สุขใจสุขกาย

5 ข้อ ที่คนอายุย่าง 60 ปีต้องรู้

ช่วงชีวิตคนเราเมื่อย่างเข้าสู่วัยชรา (60+ ขวบ) จวบจนกระทั่งแสงแห่งชีวิตเริ่มริบหรี่และท้องฟ้าเริ่มมืดลงนั้น เราควรที่จะทำความเข้าใจและเตรียมตัวที่จะพบสิ่งต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงเราจะได้ไม่ต้องตกใจกลัวและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน

1. จำนวนคนรอบข้างในชีวิตคุณมีแต่จะลดลงตลอดเวลา คนรุ่นพ่อรุ่นแม่หรือปู่ย่าตายายนั้นส่วนใหญ่หนีหายกันไปหมดแล้ว ส่วนคนที่อยู่ในวัยเดียวกับคุณก็จะเริ่มประสบปัญหาในการดูแลตนเอง ในขณะที่คนรุ่นหลังก็กำลังง่วนกับชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขาเอง แม้แต่คู่ชีวิตของคุณก็อาจจะจากไปก่อนคุณ หรือเร็วกว่าที่คุณคาดไว้ ซึ่งอาจทำให้คุณถูกทิ้งไว้อยู่กับวันเวลาที่ว่างเปล่าก็เป็นได้ คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว และยอมรับและรู้จักกับความเป็นสันโดดในบั้นปลายของชีวิต

2. สังคมจะเริ่มให้ความสำคัญกับคุณน้อยลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าในอดีตคุณจะเคยยิ่งใหญ่หรือมีชื่อเสียงมากขนาดไหนก็ตาม ความชราจะเปลี่ยนคุณให้กลายเป็นเพียงชายแก่หรือหญิงแก่ธรรมดาคนนึงเท่านั้น สปอตไลท์จะหยุดฉายมาที่คุณ และคุณจะต้องหัดพอใจกับการยืนอยู่ในมุมห้องหรือเงามืดอย่างเงียบๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับและยินดีกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคุณ โดยปราศจากอาการอิจฉาริษยาหรือคับแค้นใจแต่อย่างใดทั้งสิ้น

3. ถนนสายที่คุณกำลังเดินอยู่นั้นจะขรุขระและเต็มไปด้วยอันตรายต่างๆที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เช่นการแตกหัก เส้นเลือดตีบตัน สมองฝ่อ หรือมะเร็ง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต่างก็สามารถจะเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญของคุณได้ตลอดเวลา คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บป่วย หรือแม้แต่ยอมรับมันมาเป็นเพื่อน อย่าหวังว่าร่างกายคุณจะได้อยู่อย่างสุขสบายตลอดไป การมีจิตใจและความคิดเป็นบวกพร้อมทั้งการออกกำลังกายอย่างเพียงพอจะกลายเป็นภาระหน้าที่ของคุณ นอกจากนั้นคุณยังจะต้องคอยกระตุ้นตัวเองให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอด้วย

4. เตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตติดเตียงและการกลับสู่สภาพทารกแรกเกิด เราทุกคนต่างอยู่บนเตียงเมื่อตอนที่แม่ของเรานำเราสู่โลกนี้ และหลังจากการเดินทางผจญภัยและการต่อสู้อันยาวนานในชีวิตแล้ว เราทุกคนก็จะกลับมาสู่จุดเริ่มต้นเดิมอีกครั้งนึง เราจะถูกดูแลโดยคนอื่นเหมือนเมื่อก่อน สิ่งที่แตกต่างกันก็คือครั้งนั้นเราเคยมีแม่เป็นผู้ดูแล แต่เมื่อเราเตรียมพร้อมที่จะจากไปเราอาจไม่มีญาติที่ใกล้ชิดมาดูแลเราก็ได้ และหากคุณเป็นผู้โชคดีที่มีญาติมาคอยดูแล ก็คงเทียบไม่ได้กับความอาทรและความเอาใจใส่ที่คุณเคยได้รับจากแม่ มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะถูกดูแลโดยพยาบาลทีแม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่จิตใจอาจจะมีแต่ความเหนื่อยหน่ายขณะปฏิบัติหน้าที่อันน่าเบื่อหรือแสนจำเจนั้น จงนอนนิ่งๆและอย่าทำตัวให้เป็นที่ลำบากของคนอื่น จงรู้สึกพอใจในสิ่งที่คุณได้รับ

5. พร้อมที่จะพพบกับสิ่งหลอกลวงต่างๆที่คุณอาจเจอ คนส่วนใหญ่รู้ว่าผู้สูงอายุนั้นมักจะมีทรัพย์สินเงินทองที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิต และพวกเขาก็จะพยายามทุกวิถีทางที่จะหลอกเอาเงินนั้นจากคุณให้ได้ ไม่ว่าจะมาหลอกซึ่งหน้า การส่งข้อความ SMS อีเมล์ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ หรืออาจมีตัวอย่างสินค้ามาให้ลอง โดยบอกว่าจะช่วยชะลอความแก่หรือทำให้คุณอายุยืนขึ้น หรืออาจจะเป็นโครงการออมทรัพย์ที่จะเพิ่มความร่ำรวยให้กับคุณอย่างรวดเร็วเป็นต้น โดยพื้นฐานแล้ว สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการก็คือใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะฉกเงินในกระเป๋าคุณให้ได้เท่านั้น ดังนั้นคุณต้องระวังและรู้ให้เท่าทัน หลวมตัวหรือหลงเชื่อเมื่อไหร่เงินที่คุณสะสมไว้จะแยกทางกับคุณทันที

ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลงนั้น ช่วงสุดท้ายของการเดินทางของคุณจะค่อยๆสว่างน้อยลงไปเรื่อยๆ จึงเป็นธรรมดาที่คุณเริ่มจะมองเห็นทางเดินข้างหน้าไม่ชัดและรู้สึกลำบากที่จะก้าวเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นเมื่อคุณผ่านอายุหกสิบและเริ่มเข้าสู่วัยชรา จงมองชีวิตตามความเป็นจริงของมัน พอใจในสิ่งที่ได้รับและยินดีกับสิ่งที่มีอยู่ ใช้ชีวิตให้สนุกขณะที่ยังทำได้ และที่สำคัญอย่าเอาเรื่องยุ่งเหยิงของสังคม ของลูกๆหรือหลานๆมาเป็นปัญหาของตนเอง จงใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวและเรียบง่าย อย่าแสดงตัวว่าเก่งเพราะคิดว่ามีประสบการณ์สูงและผ่านอะไรๆมามาก อย่าดูถูกผู้อื่นเพราะที่สุดแล้วมันจะทำให้คุณเจ็บเองมากพอๆกับที่คุณทำให้ผู้อื่นเจ็บ เมื่ออายุยิ่งมากคุณยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการอ่อนน้อมและเคารพต่อผู้อื่น ควรทำความรู้จักกับการปล่อยวาง รู้จักว่าชีวิตคนเรานั้นเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ควรปล่อยให้มันเดินไปตามจังหวะและทิศทางของมัน

จงใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ สุขุม พอเพียงและสมดุล….

Related posts

Leave a Comment