ความรู้คู่สุขภาพ

Skin Test วิธีตรวจโรคภูมิแพ้รูปแบบใหม่

ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ฟังทางนี้!

วันนี้น้องแฮปปี้ฮีโร่ ขอนำเสนอแนวทางการวินิจฉัยและการดูแล/รักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้รูปแบบใหม่ ที่ไม่จบแค่การซักประวัติและการตรวจร่ายกายเฉยๆ แต่เป็นการทดสอบทางผิวหนัง หรือ Skin Test ให้เห็นผลกันชัด ๆ เลยว่า ร่างกายของเรานั้น แพ้สารอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งในปัจจุบัน Skin Test นี้ได้รับความนิยมกันอย่างมาก เพราะสามารถวินิจฉัยได้เร็ว จึงช่วยในเรื่องของการประหยัดเวลา และความปลอดภัยที่มั่นใจได้ในทุก ๆ ขั้นตอนนั่นเอง

โดย Skin Test จะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน ก็คือ

1) Skin Prick Test หรือ การแบ่งผิวหนังออกเป็นช่อง ๆ แล้วจึงทำการสะกิดผิวหนังและหยดน้ำยาที่กลั่นจากสารก่อภูมิแพ้ลงไป เพื่อรอการวินิจฉัยจากรอยนูน และ

2) Intradermal Skin Test หรือ การฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในผิวหนังโดยตรง วิธีการวินิจฉัยก็จะคล้าย ๆ กับแบบแรก โดยทั้ง 2 วิธีนี้ใช้ได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุ 6 ขวบขึ้นไป และใช้เวลาในการวินิจฉัยเพียง 15 ถึง 20 นาทีเท่านั้น

ทั้งนี้ ทั้ง 2 วิธีนี้เป็นการตรวจสอบว่าผิวหนังของเราแพ้สารอะไรเท่านั้น จะได้กลับไปทานยาเพื่อรักษาภูมิแพ้ให้ตรงจุดต่อไป และรับมือกับแหล่งก่อภูมิแพ้นั้น ๆ ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น

แต่หลัก ๆ ในวันนี้ เราจะมาเน้นหนักในวิธีที่ 1 หรือ Skin Prick Test เท่านั้น เพราะวิธีนี้เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยมากกว่า อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรืออาการแพ้ขั้นรุนแรง และสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยทุกเพศทุกวัยจริง ๆ 

สำหรับใครที่สนใจอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดสอบผิวหนังแบบ Skin Prick Test นี้ อ่านต่อกันได้เลยจ้า

Skin Prick Test นี้ สามารถทดสอบภูมิแพ้ได้กี่แบบกันนะ 

คำตอบก็คือ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่

1) ภูมิแพ้อาหาร และ

2) ภูมิแพ้สิ่งแวดล้อมที่มาจากทั้งในบ้านหรือนอกบ้าน

โดยทั้ง 2 แบบนี้ จะทดสอบด้วยการใช้น้ำยาที่เป็นสารสกัดบริสุทธิ์จากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ แบบแยกขวด ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากนม ถั่ว อาหารทะเล ผงชูรส ไข่ เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้แต่ละชนิด ไปจนถึงฝุ่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ หญ้า ขนและรังแคของสัตว์ แมลงสาบ แมลงวัน และเชื้อราชนิดต่าง ๆ มาหยดบนผิวหนังที่ผ่านการแบ่งช่องและสะกิดจนแดงอย่างที่เกริ่นไปในรูปที่แล้วนั่นเอง โดยที่แพทย์อาจใช้น้ำยาแต่ละชนิดในปริมาณที่ต่างกันมาทดสอบ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอายุและประวัติอาการของผู้ป่วยแต่ละราย แล้วรอการวินิจฉัยจากรอยนูนที่บวมมากหรือบวมน้อยต่อไป

ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างสำหรับการ Skin Prick Test???

ง่ายมาก ๆ เพียง 3 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1) เตรียมตัว
เริ่มจากการงดรับประทานยาแก้ภูมิแพ้ล่วงหน้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนวันตรวจ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอทุกวัน เพราะการรับประทานยาหรือการพักผ่อนที่ไม่พอเพียง อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงระหว่างการทดสอบได้ นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้ท่านที่กำลังประสบปัญหาโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูงรุมเร้า ให้รีบแจ้งและปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลตั้งแต่วันนัดเลย เพื่อการทดสอบที่ปลอดภัยและรัดกุมมากยิ่งขึ้น

2) เตรียมตรวจ (และเตรียมใจ)
ขั้นตอนนี้แทบไม่ต้องทำอะไร นอกจากนั่งเตรียมใจ รอให้แพทย์มาสะกิดผิวหนังสำหรับการหยดน้ำยาทดสอบ ก็อาจจะมีการแสบ ๆ คัน ๆ เกิดขึ้นเล็กน้อยระหว่างทาง ยังไงก็ขอให้อดทนไว้และพยายามสังเกตรอยนูนบนแขนในเวลา 15 ถึง 20 นาทีนี้

3) เตรียมรับมือ
ระหว่างที่กำลังรอผลวินิจฉัยอยู่นั้น เราแนะนำให้คุณรีบหาครีมมาทาลดรอยแดงก่อน และเมื่อผลการวินิจฉัยเสร็จสมบูรณ์คุณก็จะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผิวหนังคุณแพ้สารอะไรบ้าง หลังจากนี้ก็ขอให้คุณดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการหมั่นทานยาแก้ภูมิแพ้เฉพาะทางเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงแหล่งก่อภูมิแพ้นั้น ๆ รอบตัวให้เป็นกิจวัตร เพราะการลาขาดจากภูมิแพ้ย่อมใช้เวลา ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับวินัยของคุณเองเท่านั้น

ราคาในการทำ Skin Prick Test แต่ละแบบ และค่าบริการแพทย์ตามโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกใกล้บ้านท่านก็จะแตกต่างกันออกไป ตามตารางทางข้างบนนี้

แต่ต้องขอเตือนไว้ก่อนนะคะ ว่าราคานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ท่านใดที่สนใจอยากทดสอบ Skin Prick Test ก็ลองหาข้อมูลหรือโทรไปสอบถามแผนกภูมิแพ้ของโรงพยาบาลหรือคลินิกนั้น ๆ ดูก่อน จะได้ไม่ช็อกกับราคากันนะจ๊ะ

วันนี้น้องแฮปปี้ฮีโร่ก็ขอฝากสาระดี ๆ ไว้เพียงเท่านี้ อย่าลืมช่วยกันแชร์ให้เพื่อนๆ รู้กันด้วยนะคะ ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและสาระความรู้ดีๆ ได้จากบ้านน้ำใส ใส่ใจสุขภาพจ้า