ข่าวสาร ความรู้คู่สุขภาพ

รู้ให้ทัน ป้องกันให้เร็ว เพื่อปกป้องสุขภาพของคุณจากฝุ่น PM2.5

ฝุ่นละอองขนาดเล็กกับสุขภาพ มีรายงานจากกรมอนามัย ระบุว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย 4 ระบบ ได้แก่

1. ระบบตา โดยทำให้เกิดการระคายเคือง ตาแดง แสบตา ตาอักเสบ
2. ระบบผิวหนัง ทำให้เกิดระคายเคือง ผื่น คันผิวหนัง
3. ระบบทางเดินหายใจ โดยระคายเคืองเยื่อบุจมูก แสบจมูก ไอ มีเสมหะ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด หายใจถี่ โดยเฉพาะโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ปอดอักเสบ และถุงลมโป่งพอง
4. ระบบหลอดเลือดและหัวใจ โดยอาจจะทำให้แน่นหน้าอก หายใจถี่ เมื่อยล้า สั่นผิดปกติ อาจจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจตาย เส้นเลือดในสมองตีบ

วิธีปกป้องสุขภาพของคุณจากฝุ่น PM2.5

1.เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่จำเป็น

วิธีป้องกันที่ง่ายที่สุด ทุกคนทำได้ คือเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่จำเป็น เช่น การเดินเล่น หรือการออกกำลังกายในที่สาธารณะ หรือการไปเที่ยวเล่นในที่โล่งแจ้งต่าง ๆ ตอนนี้คงต้องงดไปก่อน หากยังต้องการออกกำลังกาย ให้เลือกออกกำลังกายในที่ร่มเช่นในบ้านหรือฟิตเนสเซนเตอร์จะดีกว่า เพราะถ้าออกกำลังกายข้างนอกตอนนี้ แทนที่จะแข็งแรงกลับเป็นการเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจหรือล้มป่วยแทน

ควรปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยปิดหน้าต่างให้หมดในช่วงมลพิษสูง ปรับเครื่องปรับอากาศให้ใช้อากาศภายในอาคารหมุนเวียนแทนที่จะดึงเอาอากาศภายนอกเข้ามา คอยดูแลให้บริเวณแวดล้อมบ้านปราศจากควัน และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งที่มีการเผาไหม้ เช่น เทียน การปิ้งย่าง หรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ทำให้เกิดควัน

2. ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงควรงดออกจากบ้าน

สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือมีอาการอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แพ้ง่าย เช่นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคผิวหนัง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ช่วงนี้ควรงดออกจากบ้านจะดีกว่า  หากทำงานจากที่บ้านได้ก็แนะนำให้ทำ เพราะอากาศตอนนี้มันเข้าขั้นวิกฤติแล้ว คุณจะมีโอกาสล้มป่วยมากกว่าคนอื่นเยอะเลย

กลุ่มใดบ้างที่มีภาวะความเสี่ยงสูง?

  • เด็ก เนื่องจากเด็กมักใช้เวลาอยู่กลางแจ้งเพื่อเล่นกีฬาและทำกิจกรรมนอกบ้าน ยิ่งอายุน้อยเท่าใด ความเสี่ยงยิ่งมากขึ้นเท่านั้นเนื่องจากปอดและระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังอยู่ในระยะที่กำลังพัฒนา การเผชิญกับมลพิษในอากาศจะขัดขวางการเจริญเติบโตของปอดในเด็กในวัยเรียน นอกจากนี้แล้วเด็กยังมีอัตราที่จะเป็นโรคหอบหืดและโรคระบบทางเดินหายใจที่รุนแรงอื่นๆ มากกว่า ซึ่งโรคเหล่านี้กำเริบขึ้นได้อย่างง่ายดายเมื่อระดับมลพิษสูง
  • หญิงมีครรภ์  เพราะการเผชิญกับมลพิษในอากาศจากฝุ่นละอองในระดับสูงระหว่างตั้งครรภ์มีความเชื่อมโยงกันกับการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวทารกแรกคลอดต่ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดการแท้งบุตรและอัตราการตายของทารกเพิ่มขึ้น
  • ผู้สูงวัย  เพราะระบบภูมิคุ้มกันของผู้สูงอายุมักจะอ่อนแอลง และร่างกายมักจะมีความสามารถน้อยลงที่จะรับมือกับมลพิษในอากาศ อีกทั้งผู้สูงอายุยังมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะมีอาการเกี่ยวกับโรคหัวใจหรือระบบทางเดินหายใจที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยซึ่งกำเริบขึ้นเนื่องจากมลพิษในอากาศ
  • ผู้ที่เป็นโรคปอดหรือโรคหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหอบหืด โรคถุงลมในปอดโป่งพอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากอนุภาคฝุ่นละอองสามารถทำให้สภาวะโรคที่มีอยู่ก่อนหน้านี้กำเริบขึ้นได้

3. หากเลี่ยงไม่ได้ต้องใส่หน้ากาก N95

อย่างไรก็ตาม บางคนอาจไม่สามารถเลี่ยงการออกไปข้างนอกได้ อาจจะเพราะหน้าที่การงาน หรือการไปเรียนหนังสือ เป็นต้น เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณสามารถทำได้คือการใช้มาสก์ปิดปากชนิด N95 ที่สามารถช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ได้มากถึง 90% หรือหากว่าหาไม่ได้ช่วงนี้ ก็ให้ได้แบบธรรมดาแต่ใส่หลาย ๆ ชั้นไปก่อนก็ยังดี ไม่มีอะไรปกป้องเลย

บอกเลยว่าหน้ากาก N95 คือฮีโร่เบอร์หนึ่ง ที่แม้แต่ฮีโร่อย่างผมก็ยัง ต้องซูฮกเลยล่ะ แต่ก็จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เพราะการใส่หน้ากากกันฝุ่น ไม่ได้แปลว่าคุณจะอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานๆ ได้ ให้อยู่ที่เท่าที่จำเป็นแล้วรีบเข้าภายในอาคารให้เร็วที่สุดจะดีกว่า

สวมหน้ากากอนามัยป้องกันทางเดินหายใจที่เหมาะสม โดยหน้ากากมาตรฐาน N95 จะสามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ แต่หน้ากากเหล่านี้จะใช้การได้ดีก็ต่อเมื่อสวมอย่างถูกต้องด้วย ส่วนหน้ากากอนามัยทั่วไปสามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาด 3 ไมครอนได้ แต่ป้องกัน PM 2.5 ไม่ได้

4. หากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที

ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ ช่วงนี้ใครรู้สึกว่าคันคอ คันตา แสบผิวหนัง หรือหายใจไม่สะดวก มีโอกาสสูงมาก ว่าจะเป็นผลจากฝุ่น PM2.5 เพราะฉะนั้น คุณควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการดูแลรักษาตัวเองได้อย่างถูกต้อง และทันท่วงที

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบดีๆ จากเพจ Sesamix by Zenezz

Related posts

Leave a Comment