“อาการเจ็บป่วยคือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู”
เพื่อนคือผู้ที่หวังดีต่อเรา มีอะไรที่เราเริ่มทำผิดทำพลาดไปจะเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อชีวิตเรา เพื่อนก็จะมักเตือน ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทยิ่งเตือนเราบ่อย เพื่อนหวังให้เรามีความสุข ไม่ต้องประสบกับเหตุร้ายรุนแรง
อาการเจ็บป่วยนี่ล่ะ คือ เพื่อนเราเพื่อนที่แสนดีที่กำลังเตือนเราว่าเรากำลังทำผิด ถ้ายังขืนทำผิดอีกต่อไปเราจะต้องพบกับอันตรายที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจจะถึงแก่ชีวิตก็ได้ อาการเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายของเราเสียสมดุลเท่านั้น ถ้าร่างกายมีธาตุสมดุลดีอยู่ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
จริงๆ แล้วความเจ็บป่วยคือสัญญาณแสดงออกของร่างกายเพื่อความอยู่รอดของชีวิต ถ้าไม่มีความเจ็บป่วยเราจะไม่สนใจตัวเองไม่พัฒนาปรับปรุงตนเองให้ใช้ชีวิตอยู่ในทางเดินที่ถูกต้อง เราจะทำร้ายตัวเองต่อไปจนร่างกายทนไม่ไหวและสร้างความทุกข์ทรมานให้กับเรา ก่อนที่เราจะตายจากโลกนี้ไป ธรรมชาติจึงต้องสร้างสัญญาณเตือนภัยอันนี้มาให้กับร่างกายถ้าเราไม่รู้จักฟังสัญญาณนี้ เราจะทำผิดพลาดซ้ำสอง แล้วมหันตภัยก็จะมาถึงตัว
ลองคิดดูซิว่า ถ้าเราขับรถไปบนท้องถนน แล้วเข็มสัญญาณความร้อนขึ้นสูงปรู้ดนั่นเป็นสัญญาณเตือนภัยว่ารถมีปัญหาแล้ว แต่เราดูสัญญาณไม่เป็น!!! เห็นแต่เข็มขึ้นสูงอย่างเดียวเรายังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนความร้อนขึ้นสูงสุดขีด รถก็พังไปแล้ว หรือเราดูสัญญาณไม่ออกเอารถเข้าอู่ไปให้หมอรถช่วยดู แต่หมอรถแก้ปัญหาด้วยการดังสายสัญญาณออกเสีย เข็มจึงไม่กระดิกอีกแล้วบอกเราว่ารถเป็นปกติแล้ว เราก็ขับรถไปจนความร้อนสูงสุดอีกและในที่สุดรถก็พัง…..
การรักษาอาการเจ็บป่วยของเราเหมือนกับตัวอย่างนี้ล่ะ สมมติเราเป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่ก่อนที่เราจะรู้ว่าความดันสูงนั้น จะมีสัญญาณเตือนภัยจากร่างกายออกมาเป็นระยะ แต่เราไม่รู้ว่าสัญญาณนั้นคืออะไร เราไม่ได้ใส่ใจกับมันด้วยซ้ำไป พอเราไปตรวจพบความดันโลหิตสูง แพทย์ก็ให้การรักษาด้วยยา เพื่อลดระดับความดันลงมาซึ่งยาก็ใช้ได้ผลดีทำให้ความดันของเราเป็นปกติอีกครั้ง แต่เราต้องมารับยากับแพทย์อย่างต่อเนื่องตลอดไปนะ นั่นคือแพทย์ให้ยาเพื่อหยุดสัญญาณเตือนภัยไว้เราจึงไม่ได้รักษาโรคความดันสูงจริงๆ สักที
ยิ่งในคนไข้ที่ป่วยเป็นมะเร็งในระยะแรก แพทย์จะทำการรักษาโดยการตัดเนื้องอกนั้นทิ้งไป ตรวจดูเซลล์เรียบร้อยแล้วว่าไม่มีเซลล์มะเร็งเหลืออยู่ แล้วบอกคนไข้ว่า หายเป็นปกติแล้วตอนนี้ไม่มีเซลล์มะเร็งในร่างกายเราแล้ว ทำตัวตามสบาย ใช้ชีวิตแบบเดิมได้ตามปกติ ก้อนเนื้องอกคือสัญญาณเตือนภัยที่บอกเราว่าร่างกายเกิดสิ่งผิดปกติแล้ว จงรักษาสาเหตุและแก้ไขที่ต้นตอเสีย อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย
แต่เราไม่เข้าใจว่าเนื้องอกคือเพื่อนเรา คิดว่าเนื้องอกคือศัตรูที่จะมาทำร้ายเรา เราจึงต้องจัดการกำจัดมันออกไป และตอนนี้ก็จัดการขจัดมันออกไปเรียบร้อยแล้ว เราปลอดภัยแล้ว เราลืมนึกไปว่าแล้วมะเร็งก้อนที่เราตัดออกไปมันเกิดมาจากอะไร อะไรคือต้นเหตุของมะเร็งก้อนนั้น ถ้าเรายังหาต้นเหตุไม่พบ มะเร็งก้อนใหม่จะมาอีกหรือไม่ มันต้องมาอีกแน่นอนเพราะเรายังไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุเราเพียงตัดก้อนที่มีอยู่ออกไป แค่ปิดสัญญาณเตือนภัยไว้เท่านั้น อันตรายที่รุนแรงกว่าจึงกำลังเพาะตัวอยู่ในร่างกายของเรา รอวันแสดงตัวอีกครั้งด้วยความรุนแรง พร้อมกับเอาชีวิตของเราไปด้วย
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ล้วนมีประโยชน์ให้เราหันกลับมาสนใจและใส่ใจตัวเองมากขึ้น เราต้องหาวิธีที่จะรักษาที่ต้นเหตุ ที่รากเหง้าของปัญหาไม่ใช่รักษาปลายเหตุแล้วไม่สนใจที่จะหาต้นเหตุอีกเลย หรือพยายามหาต้นเหตุแล้วแต่ยังไม่พบจึงต้องรักษากันที่ปลายเหตุต่อไปนี่คือการแพทย์แบบแผนปัจจุบันที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
ส่วนในแนวทางธรรมชาติบำบัดนั้น ไม่สนใจการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากนักแต่พยายามที่จะไปแก้ไขรักษาที่ต้นเหตุ ซึ่งแนวคิดหลักก็คือ เรื่องการเสียสมดุลที่กล่าวมาบ่อยครั้งนี้เองนี่คือคำตอบของโรคทุกโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม ธรรมชาติบำบัดถือว่าอาการแสดงออกของร่างกายที่ผิดปกติคือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู
ฉะนั้นเราจะคอยฟังเสียงเตือนของเพื่อนตั้งแต่แรกๆ เสียงเตือนตั้งแต่ยังไม่มีอาการเจ็บป่วย ซึ่งอาจเตือนด้วยอาการผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ก่อน เช่น มีผื่นคันขึ้นมา หรือปวดหัวเป็นระยะๆ ถ้าเราสนใจและรีบหาสาเหตุเสียงตั้งแต่แรก เราจะปรับสมดุลร่างกายได้ทัน โรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงจะไม่เกิดกับเรา ต่อนี้ไปเราคอยฟังเสียงสัญญาณเตือนภัยจากเพื่อนของเรากันให้ดีนะ ความผิดปกติไม่ใช่ศัตรูแต่เป็นเพื่อนของเรานั่นเอง
บทความดีๆ เพื่อสุขภาพที่ดี จากหนังสือ “คุณคือหมอที่ดีที่สุด” โดย มานพ ประภาษานนท์