อย่าปล่อยให้ “เบาหวาน” กำเริบ!!!

อันตรายมาก!!! หากปล่อยให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน เพราะจะส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย

โรคเบาหวานเป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากการขาดแคลน “อินซูลิน” (Insulin) ในร่างกาย โดยหน้าที่ของอินซูลินนั้นเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน เมื่ออินซูลินมีน้อยย่อมขาดตัวนำพาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ทำให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

ซึ่งภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูงผิดปกตินี่เองที่เราเรียกว่า “โรคเบาหวาน” ถ้าหากว่าปล่อยให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดแคลนอินซูลินเป็นเวลานาน ก็จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ตา ไต และระบบประสาท

ในน้ำมันรำข้าวและน้ำมันจมูกข้าวนั้นมีสารอาหารอยู่หลายชนิด ที่ช่วยป้องกันและช่วยเหลือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งมีดังต่อไปนี้

– ธาตุโครเมียม (Chromium) เมื่อร่างกายดูดซึมธาตุโครเมียมเข้าสู่กระแสเลือดก็จะเกาะอยู่ตามเซลล์ต่างๆ ของกล้ามเนื้อและทำหน้าที่ในการจับกับฮอร์โมนอินซูลิน ช่วยให้ฮอร์โมนอินซูลินคงตัวได้นานขึ้น โดยธรรมดาแล้วฮอร์โมนอินซูลินจะมีเสถียรภาพในการทำางาน (Half-life) 5 นาที จึงช่วยทำให้การหลั่งกลูโคสลดลง ทำให้น้ำาตาลในเลือดต่ำและการดูดซึมน้ำตาลของกล้ามเนื้อก็ต่ำลงด้วย

– กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) เป็นกรดชนิดหนึ่งที่มีในน้ำมันรำข้าวและน้ำมันจมูกข้าว ซึ่งร้อยละ 35 ของทั้งหมดนั้นจะเปลี่ยนเป็นสารโปรสตาแกลนดิน โดยสารดังกล่าวนั้นจะช่วยให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายดูดซับกลูโคสได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ปริมาณกลูโคสในเลือดต่ำ

– โทโคเฟอรอล (Tocopherol) และโทโคทรินอล (Tocotricnol) เป็นสารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายหลายๆ ด้านพร้อมกัน แต่หลักๆ ก็คือลดปริมาณคอเลสเตอรอลที่อุดตันในเส้นเลือดและเส้นเลือดหลักๆ ที่ไปเลี้ยงไต นั่นจึงส่งผลให้ฮอร์โมนกลุ่มกลูโคสเตียรอย มินเนอโรสเตียรอย แอนโดรสเตียโรลทำงานได้ตามปกติ

นอกจากนั้นยังส่งผลช่วยในการสลายกลูโคสจากกล้ามเนื้อ ไกลโคเจนจากตับ กลูโคสจากเนื้อเยื่อไขมัน ที่สำคัญคือช่วยทำให้ฮอร์โมนอินซูลินนั้นผลิตออกมาอย่างสมดุล เป็นการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในความเหมาะสม เมื่อทำงานร่วมกับสารเซซามินในงาดำ จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลอยู่ในภาวะที่สมดุล

😇 ประเภทของโรคเบาหวาน 😇
1. เบาหวานประเภทที่ 1 (Type 1 Diabetes) เกิดจากการที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินให้เพียงพอ เนื่องจากเบตาเซลล์(beta cells) ของตับอ่อนถูกทำลายด้วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 จึงต้องได้รับอินซูลินด้วยการฉีดหรือใช้เครื่องปั๊มอินซูลิน
.
2. เบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes) เป็นเบาหวานที่พบเป็นส่วนใหญ่ เกิดจากการที่ตับอ่อนยังสามารถสร้างอินซูลินได้แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ผู้ป่วยต้องมีการควบคุมอาหาร การใช้ยาชนิดกินหรือใช้อินซูลินชนิดฉีด