ความรู้คู่สุขภาพ สารสกัดเซซามิน

ไขมันพอกตับ – ความเสี่ยง สาเหตุ วิธีป้องกัน

ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver) เป็นภัยเงียบ (คาดกันว่าหนึ่งในสี่ของประชากรอเมริกันมีภาวะไขมันพอกตับ) ที่คุกคามสุขภาพอย่างมาก แต่คนไม่ค่อยตระหนัก ทั้งนี้เพราะไขมันพอกตับไม่ได้เป็นสาเหตุการตายโดยตรง แต่เป็นตัวเร่งการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย เพิ่มอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง

อะไรคือสาเหตุของภาวะไขมันพอกตับ?

กล่าวอย่าวคราวๆ ภาวะไขมันพอกตับก็คือ การมีปริมาณน้ำตาลส่วนเกินในร่างกาย จนตับนำไปสร้างเป็นไขมัน (lipogenesis)

ในยุคนี้ไม่มีน้ำตาลไหนจะอันตรายไปกว่า high fructose corn syrup ที่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มนำมาใช้ปรุงแต่งผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูปทั้งหลาย โดยเฉพาะน้ำอัดลม อันเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดที่นำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับ

จะรู้ได้อย่างไรว่า เรากำลังเป็นไขมันพอกตับ ?

  1. มีวิธีการการตรวจเลือดเพื่อช่วยค้นหาภาวะนี้ได้
  2. ตรวจเช็คด้วยอุลตร้าซาวด์ซึ่งจะให้ผลการตรวจได้ดีกว่าการตรวจเลือด

ทำไมถึงต้องกลัวภาวะไขมันพอกตับ ?

  1. เพราะเป็นตัวเร่งให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่การดื้ออินซูลิน ภาวะก่อนเบาหวาน มีการสะสมไขมันตามพุง อวัยวะต่างๆ และตับ
  2. ไขมันที่สะสมตามพุง ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น ระดับไขมันดี (HDL) ลดลง แต่กลับเพิ่มไขมันเลวที่อันตรายเพิ่มมากขึ้น (Lpa) เพิ่มอัตราเสี่ยงโรคหัวใจ และนี่เองคือสิ่งที่คนทั่วไปไม่ตระหนักถึงภัยอันน่ากลัวว่า “ไขมันพอกตับนี่ก็ทำให้หัวใจวายได้!!“

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันเราพบเด็กอายุแค่ 12 (แต่ดื่มน้ำอัดลมเป็นนิสัย) ต้องเข้ารักษาผ่าตัดปลูกถ่ายตับกันแล้ว

** เพิ่มเติม  : ในเมืองไทยคงต้องเพิ่มอีกหลายรายการ นอกเหนือจากน้ำอัดลม เช่น เครื่องดื่มชาเขียว ชาขาว จับเลี้ยง นมเปรี้ยว กาแฟกระป๋อง ฯลฯ ที่ประดังน้ำตาลผสมเข้าไปตั้งแต่ 8-12 ช้อนชาต่อหนึ่งหน่วยบริโภค

ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากไขมันพอกตับ

  1. เลิกคบอย่างเด็ดขาดกับอาหารเครื่องดื่มที่มักผสม high fructose corn syrup ก่อนจะซื้อมาบริโภคไม่ว่าซอสมะเขือเทศ น้ำสลัด อ่านฉลากให้ดีว่ามีส่วนผสมเป็นน้ำตาลชนิดนี้หรือไม่ ผู้บริโภคจำนวนมากไม่เคยทราบมาก่อนว่าซอสมะเขือเทศบรรจุขวด มักมีปริมาณน้ำตาลมากกว่าคุ้กกี้ Oreo เมื่อเทียบตามปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภคเท่าๆกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้ำอัดลม เครื่องดื่มบรรจขวดหรือกระป๋องทั้งหลาย
  2. ลดแป้งขัดขาวในมื้ออาหาร เพิ่มผักผลไม้สด ถั่ว ธัญญพืชที่มีเมล็ดเช่น เมล็ดฟักทอง งา ทาน เนื้อปลา ไก่
  3. ลงทุนกับน้ำมันปรุงอาหารเช่น น้ำมันมะกอก (olive oil), macadamia nut oil น้ำมันมะพร้าว
  4. ทานไขมันที่มีคุณค่า เช่น อะโวคาโด เนยจากมะพร้าว น้ำมันปลา (fish oil) เพื่อช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับ
  5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญ อันเป็นการลดความเสี่ยงภาวะดื้ออินซูลิน และไขมันพอกตับไปในตัว
  6. สมุนไพรและสารเสริมอาหารบางชนิดก็ช่วยได้ เช่น Milk Thistle. , Lipoic Acid, N-Acetyl-l-Cysteine เนื่องจากมีผลเข้าไปเสริมให้ตับสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญมากในตับคือ glutathione
  7. ส่วนวิตามิน B vitamins และแมกนีเซี่ยม magnesium จะช่วยสนับสนุนให้ตับเยียวยาซ่อมสร้างเซลล์ตับที่เสียหายได้ดีขึ้น
  8. ทานผักที่ช่วยล้างพิษ เร่งกำจัดพิษจากตับ เช่น ผักตระกูลบร็อคเคอรี่ คะน้า กะหล่ำ กระเทียม หัวหอม , collards, Brussels sprouts, arugula, daikon radish

เขียนเผยแพร่โดย นายแพทย์ Mark Hyman, MD,
Cr:wellness2012

คุณค่าของเซซามิน:

งานวิจัยด้านล่างนี้แสดงให้เห็นว่า เซซามินมีผลดีต่อตับ ลดภาวะไขมันพอกตับ และตับอักเสบได้
โดยมีกลไกอธิบายถึงระดับโมเลกุล … วันนี้คุณและคนที่คุณรักกิน เซซามิกซ์ (Sesamix) หรือยัง ?

 

Related posts

Leave a Comment